Home » » ซีอีโอหญิงไทยโชว์วิสัยทัศน์เวที COP21 พาไทยเป็นผู้นำใช้พลังงานแสงอาทิตย์-ร่วมลดโลกร้อน

ซีอีโอหญิงไทยโชว์วิสัยทัศน์เวที COP21 พาไทยเป็นผู้นำใช้พลังงานแสงอาทิตย์-ร่วมลดโลกร้อน

Written By Thang Thach on Sunday, January 3, 2016 | 9:53 AM





 น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท SPCG จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) ได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีถ่ายทอดประสบการณ์ การบุกเบิกธุรกิจพลังงานหมุนเวียนคนแรกของประเทศไทย และอาเซียนในเชิงธุรกิจ ในงาน Re-Energising the Future COP21 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 น.ส.วันดี กล่าวว่า SPCG สามารถดำเนินการได้ เพราะรัฐบาลมีนโยบายเปิดกว้างให้เอกชนลงทุนเป็นครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และ SPCG สามารถสร้างสิ่งที่ดีให้แก่ประเทศชาติได้สำเร็จ คือ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า Solar Farm จนทำให้เกิดการขยายตัว จากไม่มีเลยเป็น 5,000 เมกกะวัตต์ ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับชาติ และช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อย่างดี

 นอกจากนี้ น.ส.วันดี ยังเข้าร่วมเวทีการอภิปรายในหัวข้อ การขยายโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่ช่วยการลดสภาวะโลกร้อน เพื่อสนับสนุนงานของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 (COP21) ในฐานะเป็นผู้บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์คนแรกในประเทศไทยและในประชาคมอาเซียน

 น.ส.วันดี กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาล และการได้รับการสนับสนุนของ International Finance Corporation (IFC) ในฐานะสมาชิกของธนาคารโลก (World Bank Group IFC) ทำให้ SPCG มีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 260 เมกะวัตต์เกิดขึ้นได้ ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ มากกว่า 200,000 ton/co2/ปี และยังช่วยสร้างงานในท้องถิ่นช่วงก่อสร้างกว่า 20,000 แรงงาน และกว่า 1,000 แรงงานในอนาคตอีก 30 ปี

 อย่างไรก็ตาม การลงทุนพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม เป็นการลงทุนครั้งแรกครั้งเดียว ในช่วงอนาคต 30 ปี จะมีค่าใช้จ่ายเพียงการบำรุงรักษาเท่านั้น และในช่วง 7-8 ปีแรก เป็นการทำงานเพื่อคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน เวลาที่เหลือจึงเป็นผลกำไรของผู้ลงทุน ดังนั้น การเลือกใช้อุปกรณ์ ได้แก่ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ และเครื่องแปลงไฟฟ้า SPCG ได้เลือกใช้เทคโนโลยีของ บริษัท Kyocera ประเทศญี่ปุ่น และเครื่องแปลงไฟฟ้าของบริษัท SMA ประเทศเยอรมันนี ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นให้แก่ภาครัฐและเอกชนทั่วโลกในการผลิตไฟฟ้ากระแสจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เป็นพลังงานสะอาด ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง

 น.ส.วันดี กล่าวว่า IFC มีบทบาทที่สำคัญในการช่วยให้โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของ SPCG ประสบความสำเร็จ ด้วยการสนับสนุนด้านเงินลงทุน และเงินกู้โครงการ Clean Investment Fund (CTF) โดยการนำมาผสมผสานกับเงินกู้ของสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงิน สามารถพัฒนาโครงการที่เหลือของ SPCG จนประสบความสำเร็จทุกโครงการ ส่งผลให้ไทยจัดทำแผนพัฒนาพลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ในปี 2579 (2036) โดยมีการกำหนดตัวเลขการใช้พลังงานแสงอาทิตย์กว่า 6,000 เมกะวัตต์

 สำหรับ การประชุม COP21 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กรุงปารีสครั้งนี้ มีผู้นำจากทุกประเทศทั่วโลกมาร่วมงาน และต่างให้ความสำคัญเรื่องการลดอุณหภูมิโลกลง 2 องศาเซลเซียส ยังก่อให้เกิดกระแส Renewable Energy for All และเงินทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนพลังงานสะอาด เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และหลายประเทศได้ตกลงกำหนดสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในอัตรามากขึ้น เพื่อลดสภาวะโลกร้อน เพื่ออนาคตคนรุ่นต่อไปจะได้อยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข



ที่มา  khaosod.co.th

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

9 อันดับ ข่าวยอดนิยม

Powered by Blogger.