1.คลังหูดับเก็บภาษีบ้าน-ที่ดิน
ในรอบปี 2558 ของกระทรวงการคลัง ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... ที่ปลุกกระแสสังคมให้ตื่นตัวและตื่นตูมกันได้ครึ่งค่อนปี
ภาษีดังกล่าวย่อมเป็นของแสลงให้กับผู้ที่ครองทรัพย์สินบ้านและที่ดินกันถ้วนหน้า เพราะกังวลว่าจะกลายเป็น "ภาระ" ที่เกินความจำเป็นจนกลายเป็นเสียงก่นไปทั่วเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงกลายเป็น "นโยบายจุดตาย" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรีบกลบแผล สั่งให้ดำเนินการเรื่องนี้ เป็นการลับเฉพาะ
ความคืบหน้าล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง อยู่ระหว่างการปิดจุดบอดร่างภาษีที่ดินใหม่อีกครั้ง และมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีแบบขั้นบันได 4 ประเภท คือ ภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อัตรา 0.2% ของราคาประเมิน ภาษีที่ดินเพื่ออยู่อาศัย อัตรา 0.3% ของราคาประเมิน
ภาษีที่ดินเพื่อการพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม อัตรา 1% ของราคาประเมิน และภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ ในช่วง 1-3 ปีแรก จะเก็บภาษี 1% ในช่วง 4-6 ปี เก็บเพิ่มเป็น 2% และ ปีที่ 7 เป็นต้นไป เสียภาษี 3% ตามแผนจะต้องเริ่มจัดเก็บตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 2560
2.ส่งออกปี"58 กระอักเลือด
หลังจากใช้ความพยายามาตลอดปี"58 เพื่อดันให้ตัวเลขการส่งออกเป็นบวกตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยการส่งออกได้ส่อเค้าว่ามืดมนตั้งแต่ต้นปีเพราะนับจากเดือนม.ค. เป็นต้นมา ตัวเลขการส่งออกไม่เคยเป็นบวกเลย แม้ว่าได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกให้ได้แค่ลบ 3% หรือมูลค่าส่งออก 220,698 ล้านเหรียญสหรัฐเฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐาน ค่าเงินบาท 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ
ดับฝันปั้นตัวเลขส่งออกให้เป็นไปตามคาดแม้ว่าอดีตรมว.พาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ในขณะนั้นได้ปรับทัพ ติวเข้มข้าราชการ เดินสายโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทำงานใกลชิดกับเอกชนมากขึ้นเพื่อหวังให้เป้าส่งออกเป็นไปตามคาดและรมว.คนปัจจุบัน อภิรดี ตันตราภรณ์ ก็ได้สานต่อนโยบายดังกล่าวหลังรับตำแหน่งแต่เพราะหลายปัจจัยรุมเร้าทั้งจากภายในและนอกประเทศ สุดท้ายกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องยอมรับว่าไปไม่ถึงดวงดาว
3.ท่องเที่ยวฯเสาหลักอุ้มศก.
เพราะหัวใจหลักในเศรษฐกิจของไทยอย่างส่งออก ย่ำแย่อย่างมากในปี 2558 แต่เมืองไทยก็ได้ภาคท่องเที่ยวมาชดเชยสามารถดูดเงินเข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งฝั่ง ยุโรป อเมริกาและรัสเซียยังชะลอตัว ส่งผลให้การท่องเที่ยวดึงนักท่องเที่ยวในแถบเอเชียทดแทน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังซื้อสูง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แต่เส้นทางนักสู้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเมื่อวันที่ 17 ส.ค.เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม บริเวณสี่แยกราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิต ทั้งคนไทยและต่างประเทศ สร้างความตระหนกให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามเพราะความร่วมมือจากภาครัฐ-เอกชนเร่งดึงความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เร็วกว่าคาด ส่งผลให้การท่องเที่ยวทำรายได้ให้ประเทศประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท รายได้นักท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 7 แสนล้านบาท
4.ประมูล 4 จีครั้งประวัติศาสตร์
ในที่สุดมหากาพย์ประมูล 4 จี ก็ได้บทสรุป กับภาคแรก 4 จี คลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ ในวันที่ 11 พ.ย. ใช้เวลาประมูลข้ามวันข้ามคืนรวมเวลาแล้ว 33 ชั่วโมง แข่งเคาะราคาประมูลเป็นจำนวนทั้งหมด 86 ครั้ง ได้ผู้ชนะ 2 รายที่ไม่พลิกโผ ได้แก่ ทรูมูฟ เอช ได้ช่วงชุดคลื่นแรกไป ด้วยราคา 39,792 ล้านบาท และ เอไอเอส ได้รับช่วงคลื่นที่สอง ราคา 40,986 ล้านบาท
สำหรับภาคที่สอง ประมูล 4 จีคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ ในวันที่ 15 ธ.ค. เกิดปรากฏการณ์เคาะราคาต่อสู้กันแบบมาราธอนกินเวลาถึง 65 ชั่วโมง 55 นาที (ไม่รวมช่วงพักประมูล) เคาะราคากันถึง 198 ครั้ง
ผลที่ออกมาครั้งนี้พลิกล็อกถล่มทลาย เมื่อผู้ชนะ คือน้องใหม่ "แจส โมบาย"ในคลื่นชุดที่ 1 ราคา 75,654 ล้านบาท และชุดคลื่นความถี่ทรูมูฟ เอช มูลค่า 76,298 ล้านบาท รวมเงินนำส่งเข้ารัฐทั้งหมด 151,952 ล้านบาท เป็นราคาประมูลคลื่นความถี่ที่สูงจนทำลายสถิติโลก
สิ่งที่น่าจับตามองนับจากนี้คือ จะเกิดการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของวงการโทรคมนาคมไทย จากเดิมต่อสู้กันอยู่ 3 ค่ายมหาอำนาจ การมาของน้องใหม่ที่ไม่ใช่หน้าเก่านาม แจสฯ ในกลุ่ม จัสมิน ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้มาเล่นๆ น่าจะกระตุ้นให้พี่ใหญ่เจ้าเดิมผวา นำทางไปสู่เส้นทางการแข่งขันเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง
5.น้ำมันขาลง-ทุบสถิติต่ำสุด
ตลอดปี 2558 ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ในแง่ดีนั้นคนไทยใช้น้ำมันราคาถูกลง แต่ขณะเดียวกันก็พลอยทำให้พืชเกษตรอย่างยางพารา หรือปาล์ม ราคาตกต่ำไปด้วย ไม่นับเรื่องภาษีสรรพสามิตที่รัฐเก็บได้น้อยลง
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศตลอดปี 2558 ที่ปรับลดลงจนส่งผลให้ภาพรวมราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิดปี 2558 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี และแนวโน้มยังคงอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องในปี 2559 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ไหลลงสู่ระดับต่ำทุบสถิติในรอบ 7 ปีแล้วเช่นกัน
ราคาน้ำมันน่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบไหลลงต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากทั้งกลุ่มโอเปก ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และสหรัฐ ที่ผลิตเชลล์ออยล์ได้จำนวนมาก ต่างไม่ยอมลดปริมาณการผลิต ไม่นับอิหร่านพ้นมาตรการแบนสามารถส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง
6.เกษตรกรน้ำตาตก-เซ่นภัยแล้ง
ปริมาณน้ำต้นทุนสิ้นฤดูฝนปี 2557 โดยเฉพาะ 4 เขื่อนใหญ่ในลุ่มเจ้าพระยา คือ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดนและป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำเหลือใช้เพียง 4,688 ล้านลบ.ม. จากฝนทิ้งช่วงและตกน้อยกว่าปกติประมาณ 10% กระทรวงเกษตรฯ ต้องตั้งศูนย์เฉพาะกิจติดตามภัยแล้งพร้อมกับสั่งทำฝนหลวงเพื่อเติมน้ำในเขื่อน พร้อมประกาศงดทำนาปรังในลุ่มเจ้าพระยาและแม่กลอง เพื่อชะลอการใช้น้ำต้นทุนจนกว่าฤดูฝนพ.ค.2558 จะมาถึง
กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย. นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ในขณะนั้น) ถึงขั้นต้องทำพิธีขอฝนตามคำเตือนของโหรชื่อดังว่าปีนี้จะเดือดร้อนเพราะน้ำน้อย
และสถานการณ์ภัยแล้งในปี"58 ยังสาหัสสากรรจ์ โดยวันที่ 12 ก.ค. ประกาศให้ 3 อำเภอในจังหวัดปทุมธานีได้แก่ อ.ธัญบุรี อ.ลำลูกกา และ อ.หนองเสือ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งงดจ่ายน้ำประปา กระทบชาวบ้านมากกว่า 5 หมื่นครัวเรือน ไม่มีน้ำใช้แบบไม่ทัน ตั้งตัว
ผลจากภัยแล้งลามลึกฉุดจีดีพีภาคเกษตรร่วงเหลือ 1.3% จากเป้าหมาย 3% รายได้เกษตรกรลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะผลผลิตข้าวหายไปมากกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท
ตลอดปี 2558 การรับมือภัยแล้งให้ทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์แต่เหมือนจะฉุดไม่อยู่ และยังคงเป็นปัญหาลามไปถึงปีหน้า
7.วิกฤตการบินไอเคโอ-เอฟเอเอ
ทำคนไทยอายไปทั่วโลก กรณีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) (กรมการบินพลเรือนเดิม) สอบตกข้อสอบความปลอดภัยด้านการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) ช่วงม.ค.ปี 2558 ทั้งๆ ที่เป็นหน่วยกำกับความปลอดภัยการบินของประเทศ ซวยซ้ำเมื่อช่วงต้นธ.ค.สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ(เอฟเอเอ) ปรับลดเกรดการบินให้ลงมาอยู่ในกลุ่มที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่ยังเคราะห์ดีที่สายการบินของไทยสอบผ่านการประเมินขององค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (เอียซ่า) ทำให้สายการบินไทยไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบิน เพิ่มเส้นทางบิน เพิ่มขนาดเครื่อง หรือใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกับประเทศปลายทางที่ออกมาตรการตอบโต้ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีสายการบินไทยทำการบินไปยังประเทศที่ถูกแบนอยู่แล้ว แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับวิกฤตความเชื่อมั่นด้านการบินที่ไทยกำลังเผชิญ
8.ออกมาตรการอุ้มอสังหาฯ
ด้วยความที่เศรษฐกิจไทยปี 2558 ร่อแร่เต็มทนทำให้รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย หนึ่งในมาตรการสำคัญคือหนุนการซื้อบ้านหลังแรก มีผล วันที่ 29 ต.ค. 2558-30 เม.ย. 2559 แบ่งเป็น 1.มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% จากเดิม 3% และ 2% ตามลำดับ
2.ให้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่กู้ซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยสามารถนำ 20% ของราคาบ้านมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้เป็นระยะเวลา 5 ปีภาษี 3.เพิ่มวงเงินกู้ซื้อบ้านพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
ธอส.ออกมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้านให้ผู้ที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง พิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 33% เป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน นั่นจึงทำให้ผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน สามารถกู้ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทได้ (จากเดิมไม่เกิน 1.8 ล้านบาท)
มาตรการดังกล่าวส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ และช่วยให้ทั้งปีสามารถเติบโตได้ 10% หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดอยู่ในภาวะชะลอตัว
9.ตลาดรถช็อก-ติดลบหนัก
ต้องเรียกว่าเป็นปีแห่งวิบากกรรม ของตลาดรถยนต์ในประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะแรกเริ่มเดิมที หลายค่ายหลายคน ออกมาประเมินกันตั้งแต่ต้นปีว่าปี 2558 อย่างไรเสียยอดขายก็จะขยายตัวมากกว่าปี 2557 ที่ติดลบไม่น้อย เพราะเพิ่งหมดโครงการ "รถคันแรก" ที่คาดว่าน่าจะหมดฤทธิ์ยากันได้แล้ว และภาพรวมก็ควรจะฟื้นตัว ด้วยเพราะคิดว่ามีปัจจัยบวกอยู่พอสมควร และ ยิ่งมีรถปิกอัพรุ่นใหม่ จากค่ายยักษ์ใหญ่ที่หลายคนรอคอย เปิดตัวกันช่วงกลางปี
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นตัวเลขยอดขายยังคงดำดิ่งอย่างชนิดยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไม่ดีขึ้นเลย จวบจนต้นไตรมาสสุดท้าย ที่ดูเหมือนจะผงกหัวขึ้นบ้าง ช่วยให้ตัวเลขยอดขายรถยนต์ลดลงแบบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ประกอบกับการที่ค่ายรถยนต์ ประโคมข่าวการปรับขึ้นราคารถยนต์ในปีหน้า ตามโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ยิ่งช่วยให้ช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างมาก ในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถอเนกประสงค์ดัดแปลงจากปิกอัพ และเก๋งขนาดใหญ่ ที่คาดการณ์กันว่าจะปรับขึ้นคันละเป็นแสนบาทกันเลยทีเดียว
10.ปรากฏการณ์เอ็มควอเทียร์-เวสต์เกต
ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ มูลค่าโครงการกว่า 2 หมื่นล้าน ที่ลงทุนโดยกลุ่มเดอะมอลล์ ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามกับอาคารศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2558 ฉลองการเปิดตัวอย่างอลังการ 4 คืน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ถึง 1 มิ.ย. สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก
เปิดมิติใหม่ของช็อปปิ้งมอลล์ใจกลางสุขุมวิท กับศูนย์รวมแฟชั่นแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก และแฟชั่นชั้นแถวหน้าของเมืองไทยกว่า 400 แบรนด์ และการจัดงาน ไดนิ่ง เอ็กซ์ตราออร์ดิแนร์ เปิดตัวร้านอาหารดังระดับโลกรวม 200 ร้าน
ขณะเดียวกันโครงการ เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ที่ได้ชื่อว่า ซูเปอร์รีจินัล มอลล์ แห่งเซาท์อีสต์เอเชีย โปรเจ็กต์ยักษ์ มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 500,000 ตารางเมตร อลังการที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดตัวอย่างตื่นตาได้สมกับการรอคอยของชาวบางใหญ่ จ.นนทบุรี กับ 500 แบรนด์ไทยและอินเตอร์ และ 200 ร้านอาหาร ภายใต้การลงทุน 10,0000 ล้านบาท
ที่มา khaosod.co.th
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment